น้อยหน่าฝ้ายเขียว ซึ่งส่งผลสีเขียว น้อยหน่าฝ้าย น้ำหนักเฉลี่ย ผลละ 2-3 ขีด รสไม่หวานมากเท่าไรนัก เสียหายง่าย ผลิตผลเฉลี่ย ไร่ละ 800-1,000 โล น้อยหน่าฝ้ายมีลักษณะเนื้อหยาบคายเป็นทราย เปลือกไม่ล่อน เมื่อปอกเนื้อกับเม็ดมักติดเปลือก เนื้อยุ่ยไม่จับตัวกันจบกลายเป็นก้อน น้อยหน่าฝ้ายเขียวมีเนื้อในสีขาว
jumbo jili
น้อยหน่า เป็นไม้ทรงพุ่มไม้ขนาดเล็ก มีถิ่นเกิดในแถบร้อนของทวีปอเมริกากึ่งกลาง นำเข้ามาปลูกเอาไว้ภายในประเทศแถบทวีปเอเชียทีแรกโดยชาวประเทศสเปน รวมทั้งชาวประเทศโปรตุเกส ส่วนในประเทศไทยมีการนำเข้าน้อยหน่าคราวแรกในยุคจังหวัดลพบุรีตอนนี้การ ปลูกน้อยหน่าในประเทศไทยมีอยู่หลายแบบร่วมกัน และก็มีชื่อเรียกไม่เหมือนกันในแต่ละแคว้น ได้แก่ ภาคกึ่งกลาง เรียก น้อยหน่า ภาคทิศตะวันออก เรียก นอแฟ, มะนอแฟหรือมะแฟ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียก มักเขียบ ภาคใต้ เรียก น้อยแน่ ลาหนัง (จังหวัดปัตตานี) ชื่ออื่นๆเตียม, น้อยแน่, มะลอแน่, มะออแรง ส่วนประเทศกัมพูชาเรียกน้อยหน่าว่า เตียบ
สล็อต
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
- ลำต้น
น้อยหน่าจัดเป็นไม้ผลยืนต้นผลัดใบ มีทรงพุ่มไม้ขนาดเล็ก ลำต้นแท้สูงโดยประมาณ 1 เมตร และก็จะแตกกิ่งก้านออกเป็นกิ่งหลัก กิ่งรอง กิ่งกิ้งก้าน แล้วก็กิ่งย่อย โดยจะแตกกิ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำต่อจากลำต้นแท้ การแตกกิ่งจะไม่มีระเบียบ ลำต้น แล้วก็ทรงพุ่มไม้บางทีอาจสูงมากไปกว่า 5 เมตร ลักษณะเปลือกลำต้นบาง ผิวเปลือกสากหยาบคาย สีน้ำตาลถึงดำ - ใบ
ใบน้อยหน่าจัดเป็นใบลำพัง ออกเรียงสลับกันบนกิ่ง สีใบเมื่ออ่อนจะออกสีขาวคละเคล้าเขียว ใบแก่จะออกสีเขียวเข้มคละเคล้าน้ำตาล มีลักษณะใบเป็นรูปหอก ปลายใบแหลมหรือค่อนข้างจะเรียวแหลม ส่วนโคนใบก็มีลักษณะเป็นรูปลิ่ม เมื่อเอามาขยี้จะมีกลิ่นส่วนตัว - ดอก
ดอกน้อยหน่าจะแทงออกเป็นตาดอกตามกิ่ง อีกทั้งกิ่งแก่หรือส่วนของลำต้น ซึ่งชอบมีดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิภายหลังจากผลัดใบแล้ว หรือในตอนต้นหน้าฝน ข้างหลังได้รับความชุ่มชื้นหรือน้ำแล้ว ดอกของน้อยหน่าจะแทงออกเป็นกรุ๊ปๆละ 2-5 ดอก รอบๆจุดเดียวกัน ต้นน้อยหน่าขนาดกึ่งกลางหนึ่งต้นจะมีดอกราวๆ 1,000-1,500 ดอก
ดอกจัดเป็นดอกแบบบริบูรณ์เพศที่มีดอกเพศผู้ แล้วก็ดอกตัวเมียในดอกเดียวกัน ดอกมีสีน้ำตาลผสมขาว ดอกเกสรตัวผู้จะมีก้านช่อ และก็กระเปาะละอองเกสร รวมกันอยู่รอบเกสรตัวเมีย ที่มีรังไข่ 1 อัน การผสมเกสรจะผสมแบบผสมผ่าน เนื่องจากว่าเกสรมีความพร้อมเพรียงสำหรับเพื่อการผสมไม่พร้อม ซึ่งการผสมเกสรจะติดดีในช่วง 9.00-12.00 น. รวมทั้งอีกตอน 14.30-17.30 น. มีระยะผลิดอกถึงดอกบานราว 31-45 วันขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วก็สาเหตุการดูแลและรักษา ดอกน้อยหน่าในระยะดอกตูมที่แล้วบานจะอยู่ได้ 3-4 วัน ซึ่งจะบานอีกทั้งช่วงเวลากลางวัน และก็ยามค่ำคืนโดยดอกจะบานจากปลายกลีบสู่ส่วนโคนดอก เมื่อดอกบานสุดกำลังจะมองเห็นเกสรตัวเมีย แล้วก็เกสรตัวผู้อย่างเห็นได้ชัด การบานของดอกจะบานมากมายหรือน้อยขึ้นกับความชุ่มชื้น ถ้ามีความชุ่มชื้นสูงดอกจะบานมากมาย ส่วนอุณหภูมิต่ำ ดอกจะบานได้ดีมากยิ่งกว่าอุณหภูมิสูง - ผล
ผลมีลักษณะได้ผลสำเร็จรวม เป็นผลมาจากดอกเดียว แม้กระนั้นมีรังไข่หลายอัน ภายหลังที่ผสมเกสร และก็เติบโตสักระยะจะมองเห็นมีเม็ดอยู่ในรังไข่ 1 เม็ด ในแต่ละรังไข่ โดยมีเนื้อของน้อยหน่าที่เป็นส่วนกินจะเป็นส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่ข้างใน และก็ฝาผนังของรังไข่จะก้าวหน้าไปเป็นเปลือก ซึ่งจะมีรูปร่าง แล้วก็ขนาดของผลต่างๆนาๆตามประเภท รวมทั้งการดูแล ส่วนมากผลจะมีลักษณะกลมรี ขึ้นกับประเภท และก็การรักษา ผิวเปลือกน้อยหน่าจะมีลักษณะเป็นตานูน มีสีเขียว รวมทั้งเขียวอ่อนปนเหลืองเมื่อสุก เนื้อจะมีลักษณะนุ่ม เปียกแฉะน้ำ มีรสชาติหวาน หอมสล็อตออนไลน์
การปลูกน้อยหน่า
การปลูกน้อยหน่านิยมนำมาปลูกด้วยการเพาะเม็ดสูงที่สุด รองลงมาเป็นการปลูกจากกิ่งประเภทในตอนที่อยากให้ผลเสมือนต้นแม่พันธุ์หรืออยากรักษาต้นแม่ให้เพื่อผลเอามาเพาะพันธุ์จากเม็ดต่อ
การเก็บผลิตผล
น้อยหน่าจะสามารถได้ผลได้เมื่อแก่ราว 2-3 ปี ขึ้นไป การเก็บผลิตผลของน้อยหน่า โดยปกติมีช่วงเวลาการเก็บตั้งแต่ดอกบานจนกระทั่งเก็บผลประโยชน์ ราวๆ 120-125 วันjumboslot
ประโยชน์ซึ่งมาจากน้อยหน่า
1.ช่วยต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย
2.ช่วยทำนุบำรุงผิวพรรณ เส้นผม และก็ดวงตา
3.น้อยหน่าคือผลไม้ที่มีไขมันต่ำ ก็เลยเหมาะกับคนที่กำลังลดความอ้วนหรือลดหุ่น แล้วก็รักษาสุขภาพ (แต่ว่าสำหรับผู้ที่กำลังป่วยเป็นโรคเบาหวานนับว่าเป็นข้อละเว้น)
4.ช่วยรักษาโรคโรคหอบหืด (วิตามินซี)
5.ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (เส้นใย)
6.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (วิตามินบี 3)
7.ช่วยลดระดับความดันเลือด (โพแทสเซียม)
8.ช่วยบำรุงรักษาหัวใจให้มีสุขภาพดี คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
9.มีส่วนช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
10.ใบน้อยหน่ามีคุณประโยชน์ช่วยรักษาโรคโรคมะเร็งรวมทั้งเนื้องอก (ใบ)
11.ช่วยรักษาโรคไขข้อและก็โรคข้ออักเสบ (แมกนีเซียม)
12.ช่วยสร้างเสริมกระดูกแล้วก็ฟันให้แข็งแรง (แมกนีเซียม)
13.ช่วยรักษาสมดุลของน้ำภายในร่างกาย (แมกนีเซียม)
14.ช่วยสนับสนุนการสร้างพลังงานภายในร่างกาย (วิตามินบี)
15.ช่วยสำหรับเพื่อการสร้างฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) (ทองแดง)
16.ช่วยลดการเสี่ยงต่อการที่ทารกทุพพลภาพโดยกำเนิด (โฟเลต)slot